ไม่อยากเป็นข่าว ไม่อยากร้าวรัก แต่เธอ “เพชร-บุญญาภาณิ์ เบญจรงคกุล” กลายเป็นสาวฮอตที่สื่อบันเทิงอยากสัมภาษณ์มากที่สุด เพราะความรักของเธอกับพระเอกดังฉายาไม้เลื้อย ชาคริต แย้มนาม เป็นบันทึกรักที่หลายคนสนใจ “ทำไมถึงเลิก เลิกทำไม” เธอยอมเปิดใจให้กับ M-Lite ที่นี่ที่เดียว และตัวตนของความเป็นสาวสังคม ที่เธอยอมรับว่า เพชรเม็ดนี้เป็นลูกไม้ใต้ต้นของ บุญชัย เบญจรงคกุล เกือบทุกกระเบียดนิ้ว
M-Lite พยายามติดต่อนัดสัมภาษณ์กับ เพชร-บุญญาภาณิ์ เบญจรงคกุล อยู่หลายครั้ง กระทั่งเธอใจอ่อนยอมรับนัดกับสื่อผู้จัดการสุดสัปดาห์เป็นสื่อแรก เธอยอมรับว่าลังเลอยู่นานและหนีกองทัพนักข่าวมาตลอด แต่ถึงเวลาที่เธอบอกว่าต้องยอมเปิดใจกับข้อซักถามทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องความรักของเธอกับพระเอกดัง ชาคริต แย้มนาม ที่เพิ่งกลายเป็นอดีตรักวันวานไปไม่นานนี้
สาวเพชรนัด M -Lite ที่บ้านหลังใหญ่ สไตล์อาร์ตแกลเลอรีสุดหรูย่านวิภาวดี ครั้งแรกที่ได้พบ เธอดูเป็นสาวทันสมัยในชุดเรียบหรูที่เข้ากับบุคลิกความเป็นสาวเรียบง่ายของเธออย่างดี เมื่อได้คุยกับเธอก็ทำให้รู้ว่าเธอเป็นสาวที่มีบุคลิกนิ่งๆ และมีความคิดอ่านในการใช้ชีวิตที่น่าสนใจคนหนึ่ง
ร้าวรัก!
ใครๆ ก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ความรักของเพชรกับชาคริต แย้มนาม จบลงเพราะอะไร ระยะเวลา 1ปี 4 เดือนที่ทั้งสองได้รู้จักกันจากการแนะนำของเพื่อน และได้พูดคุยศึกษานิสัยกัน จนกลายเป็นคู่รักหวานแหวว และน่าจับตามองที่สุดคู่หนึ่งก็ว่าได้ จนใครๆ ก็นึกฝันไปว่าทั้งคู่จะเข้าสู่ประตูวิวาห์ในไม่ช้า
แต่แล้ว รักของทั้งคู่ก็จบลงอย่างง่ายดาย เมื่อฝ่ายหญิงประกาศเลิกรากันอย่างชัดเจน โดยเพชรอ้ำอึ้งบอกแค่ว่าเป็นเรื่องส่วนตัวที่ศึกษากันไปมาแล้วไปด้วยกันไม่ได้ และฝ่ายชายยอมรับว่าสาเหตุอาจจะเพราะทำงานเยอะจนไม่มีเวลาให้กัน และยืนยันว่าไม่มีเรื่องของมือที่ 3 อย่างแน่นอน
ใช่,บางคนอาจมองว่าเป็นเรื่องไม่ง่ายนักที่จะรักใครสักคน แต่ถ้ารักแล้ว ศึกษากันแล้วถึงวันที่ต้องตัดสินใจก้าวเดินต่อไป ถ้าไปด้วยกันในฐานะคนรักไม่ได้ สาวเพชรบอกว่า ควรจะโบกมือบ๊ายบายกันมากกว่า
เด็ดขาดในเรื่องความรัก
เพชร ย้ำหนักแน่นว่าเธอเป็นคนเด็ดขาดในเรื่องความรักมาก ใช่หรือไม่ก็ต้องบอกกัน ไม่นั่งทนอยู่กับความไม่ชัดเจน อาจจะเป็นเพราะว่าเธอเป็นคนที่เข้าวัดและปฏิบัติธรรมเป็นประจำ จึงทำให้เธอเป็นผู้หญิงที่ตัดสินใจได้เด็ดขาด ซึ่งบางครั้งมันอาจไม่ง่ายนักสำหรับใครหลายๆ คน
“เพชรยิ่งโตขึ้นมาเรื่อยๆ ก็ยิ่งรู้สึกว่าทำใจกับเรื่องของความรักได้ง่ายขึ้น กับการเสียใจ กับความผิดหวัง ไม่ค่อยได้หวังอะไรมาก เพราะว่าอาจจะเป็นที่เราชอบเข้าวัด พระอาจารย์ก็จะชอบพูดว่าเรื่องนี้ไม่สำคัญเลยนะ แล้วพอเราปรับใช้กับความสัมพันธ์ ความรู้สึกมันก็ทำให้ง่ายขึ้นเรื่อยๆ เราจะรู้สึกเลยว่าถ้ามันไม่ใช่มันก็ไม่ใช่นะ คือเรากลับมาหาความสุขกับตัวเองดีกว่า เราทำใจได้แล้วก็ยังเป็นเพื่อนกันได้”
รับมือกับข่าว
เธอยอมรับว่า เธอเป็นผู้หญิงที่ใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายธรรมดา แต่พอเธอคบกับพระเอกหนุ่มชาคริต แย้มนาม ก็ทำให้หลายคนให้ความสนใจทั้งตัวเธอ และความสัมพันธ์ของเธอกับชาคริต แถมยังถูกนักข่าวตามสัมภาษณ์
“คือรู้อยู่แล้วว่าถ้าเราคบกับคนนี้ก็ต้องมีข่าว คือก็ไม่ชอบอยู่แล้ว แต่เราก็บอกพี่นักข่าวทุกคนว่าเข้าใจความต้องการของพี่นะ แต่เขาก็ต้องเข้าใจหนูด้วยว่าชีวิตของหนูไม่ได้อยากจะบอกทุกคน แต่ก็เข้าใจว่าพี่เขาเป็นคนของประชาชน เพราะฉะนั้นก็จะไม่รำคาญ ไม่โทษ เอาเป็นว่าเพชรตอบได้แค่ไหนก็แค่นั้น คนละครึ่งทาง”
ตั้งแต่เธอ เริ่มคบกับชาคริต เธอ ยอมรับว่าทำให้เธอระมัดระวังตัวมากขึ้น โดยเฉพาะงานสังคม ถ้าไม่จำเป็นหรือสำคัญจริงๆ เธอจะพยายามหลีกเลี่ยงไม่ออกงาน
“แต่ถ้างานไหนเลือกไม่ไปได้ก็จะไม่ไป แล้วช่วงนี้ก็ไม่ค่อยได้อยากออกไปไหนอยู่แล้ว จริงๆ เพชรเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง เมื่อเป็นข่าวแล้วเราก็ต้องแคร์ข่าวระดับหนึ่ง เพราะว่ามันเป็นภาพลักษณ์เรา วิธีของเพชรคือจะพูดความจริง เพราะว่ายังไงความจริงก็คือความจริง เพชรจะไม่พยายามปกป้องตัวเอง เพราะถ้าอยู่มาวันหนึ่งเขารู้ว่าความจริงเป็นยังไง เราจะยิ่งโดนว่า ว่าเราโกหก สตรอเบอรี
ปกติเพชรจะไม่อ่านข่าว เพราะกลัวว่าสิ่งที่เราพูดไป เขาจะเขียนออกมาในแง่ลบ ในอินเทอร์เน็ตนี่บ๊ายบายเลย คอมเมนต์ข้างล่างนี่อย่าได้อ่านเลย เคยลองแล้วจะร้องไห้ คือเพื่อนเป็นดาราก็เยอะ อย่างกิ๊บซี่ (วงเกิร์ลลี่ เบอร์รี่) พี่คริต (ชาคริต) พี่ได๋ (ไดอาน่า) เพชรจะสนิทกับเพื่อนในวงการหลายคน บางคนยังบอกเลยว่าเวลานักข่าวถาม ไม่ต้องไปตอบหมด แต่บางทีพอเขาซักเยอะๆ ก็รู้สึกว่าตอบๆ ไปเถอะ คนที่อ่านข่าวที่เพชรให้สัมภาษณ์เรื่องพี่คริต คนเขาก็บอกว่าตอบดีนะ”
เรื่องความรักขอเบรกไว้ก่อน
ประสบการณ์ความรักของเพชรที่ผ่านมา ทำให้เธอโตขึ้น และมีมุมมองความรักที่เปลี่ยนไป แต่ก็ยังอยากมีความรักที่มีความสุข สำหรับตอนนี้เธอบอกกับเราขอเบรกเรื่องความรักไว้ก่อน อยากใช้เวลาที่มีอยู่กับครอบครัวและมีความสุขกับการใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการ
“เพชรก็เป็นผู้หญิง ก็ยังอยากมีความรักอยู่ เพชรว่าทุกความสัมพันธ์มันทำให้เพชรเปลี่ยนไปนะ เพราะการที่เราใช้ชีวิตคุยกับคนคนหนึ่งทุกวันเป็นเวลา1-2 ปี เราต้องเอานิสัยเขามาบ้าง เพชรก็เป็น ขนาดวิธีการพูด คำศัพท์ที่ใช้ นิสัยการกิน ก็ต้องมี กลายเป็นเราตอนนี้กับเราเมื่อ 6 ปี ที่แล้วไม่ได้เหมือนกัน
แต่ตอนนี้เพชรไม่ได้คิดเรื่องความรักเลย เบรกไว้ก่อน ตอนนี้เพชรจะให้ความสำคัญในเรื่องของการมีชีวิต จะพูดว่ารักตัวเองก็ได้ คือตอนนี้เพชรอายุจะ 25 แล้ว เกือบจะสายไปแล้วที่จะทำหลายๆ อย่าง ตอนนี้เป็นโอกาสที่ดี ที่เพชรอยากจะทำ ถ้าเกิดเรามีโอกาสที่จะช่วยเหลือใครเราก็จะทำ มีเวลาให้คุณพ่อคุณแม่”
เสปคเจ้าชู้ไม่สำคัญ
สไตล์ผู้ชายแบบที่เธอชอบนั้นต้องเป็นคนสะอาด ดูเป็นผู้ใหญ่และรักศิลปะ lส่วนผู้ชายเจ้าชู้นั้นเพชรบอกว่า รับได้ แต่ถ้าจับได้ว่าอยู่ด้วยกันแล้วเจ้าชู้ก็เลิก
“ชอบผู้ชายที่ดูสะอาด ประมาณว่าเป็นนักธุรกิจ เป็น CEO แต่เวลาว่างไปทะเล ลุย ผู้หญิงส่วนใหญ่จะกลัวมากผู้ชายเจ้าชู้ แต่เพชรไม่มายด์ เพชรมองว่าผู้ชายเจ้าชู้ถ้าเขารักเราเขาก็อยู่กับเรา แต่ถ้าเขาเจ้าชู้แล้วเราจับได้ เราก็เลิก เพราะว่ามันแสดงว่าเขาไม่ได้รักเราจริง”
คุณพ่ออยากให้เรียนศิลปะ
เพชรเล่าว่า ด้วยความที่คุณพ่อเป็นคนรักศิลปะ จึงอยากให้ลูกเรียนด้านศิลปะ แต่ท่านจะไม่เคยบังคับว่าต้องเรียนหรือทำงานอะไร ลูกๆ จึงตัดสินใจ และรับผิดชอบด้วยตัวเอง
“คุณพ่อจะบอกว่าอยากเรียนอะไรก็ได้แล้วแต่เราชอบ แต่ท่านเป็นคนรักศิลปะ ก็เลยอยากให้ลูกๆ เรียนศิลปะ อย่างน้องชายตอนนี้ก็เรียน Architect พี่สาวก็เรียน Business แล้วก็ไปเรียนภาษาจีนต่อ อย่างเพชรเนี่ยจริงๆ แล้วชอบภาษา แต่ว่าไม่อยากเลือกภาษาอังกฤษหรือภาษาฝรั่งเศสเป็นวิชาหลัก ก็เลยเลือกเรียนประวัติศาสตร์ เพราะว่าได้ทั้งภาษา การเขียน แล้วก็ได้ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ศิลปะ”
เมื่อพิพิธภัณฑ์ศิลปะกำลังใกล้จะเปิดตัว ตอนนี้นอกเหนืองานทีซิสที่เธอต้องทำให้จบ เธอยังต้องช่วยคุณพ่อดูแลเรื่องของพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่กำลังจะเปิดในต้นปีหน้าอีกด้วย
“คุณพ่อกำลังทำพิพิธภัณฑ์ศิลปะ สร้างขึ้นข้างๆ ตึกเบญจจินดา ถนนวิภาวดี โดยมีบริษัท PlA ออกแบบให้ ตัวตึกจะเป็นรูปทรงโมเดิร์น ขนาดใหญ่ มีพื้นที่กว้างขวาง ข้างในจะจัดแสดงศิลปะที่คุณพ่อชอบและเก็บสะสมไว้เปิดให้คนทั่วไปได้ดูฟรี และจะมีส่วนที่เปิดโอกาสให้ศิลปินได้จัดแสดงผลงานฟรีอีกด้วย
หลายคนคงทราบกันดีว่า ในประเทศไทย คือคนที่เห็นคุณค่าในศิลปะก็เยอะ แต่ว่าคนที่เห็นคุณค่าของงานศิลปะจนถึงขั้นที่จะซื้อตั๋วเข้ามาดูก็คงไม่เยอะ เพราะฉะนั้นที่เราทำ เราไม่ได้หวังผลตอบแทนหรือหวังกำไร
คุณพ่ออยากให้เพชรช่วยดูแลในเรื่องของการจัดกิจกรรม โดยให้แต่ละโรงเรียนมาเข้าชมนิทรรศการ ส่วนตัวเพชรในฐานะที่เป็นคนรุ่นใหม่ ก็อยากลองนำความสมัยใหม่ ความ Hip เข้ามา อาจจะการจัดกิจกรรม ชวนเพื่อนมาร่วมกิจกรรม ทำให้มันเป็น Social มากขึ้น เพราะเพชรมองว่าอยากให้เรื่องศิลปะเป็นอะไรที่ทันสมัย ดูเท่ และคนสนใจเหมือนอย่างเรื่องแฟชั่น”
อนาคตมาร์เกตติ้งดีแทค
ความที่เห็นคุณพ่อกำลังจะทำพิพิธภัณฑ์ศิลปะ เธอจึงเลือกเรียนปริญญาตรีด้านประวัติศาสตร์ ที่ Bristol University ประเทศอังกฤษ และเรียนต่อปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจ (Management) ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อที่จบมาก็สามารถที่จะเข้าไปทำงานที่บริษัทดีแทคได้ด้วย
“พอทราบว่าคุณพ่อกำลังจะขายหุ้นดีแทค และจะทำพิพิธภัณฑ์ศิลปะ เพชรก็เลือกเรียนวิชาที่ชอบอย่างอาร์ต ซึ่งคุณพ่อก็อยากให้เรียน แต่เพชรก็อยากเรียนที่เป็น Management จะได้ทำงานอย่างอื่นได้ด้วย มันจะได้ไม่ต้องกำหนดตัวเองว่าต้องทำงานในสาขาเดียวตลอด
เพชรเพิ่งมาเริ่มชอบพวก Marketing เมื่อ3-4 ปีที่แล้ว คือรู้ตัวว่าตัวเองไม่ชอบทำงานด้าน Finance กับ Accounting ก็เลยมาลงตัวที่ Marketing ชอบที่ต้องใช้ความคิด ใช้ฝั่งศิลปะนิดๆ บวกกับความรู้เรื่องธุรกิจ สำหรับในอนาคตตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าอยากทำงานด้าน Marketing ให้บริษัทดีแทค”
ตอนเรียนจบปริญญาตรี เพชรเล่าว่าเคยฝึกงานที่บริษัทดีแทคอยู่ปีกว่าๆ แต่ด้วยความที่ฝึกงานกับบริษัทที่เป็นธุรกิจของครอบครัว จึงทำให้ไม่ค่อยมีใครกล้าใช้เธอทำงานเท่าไหร่นัก ตอนนั้นก็เลยไม่ค่อยได้ทำอะไรมาก ค่อนข้างสบาย เพราะว่าไม่มีใครกล้าใช้เธอ ทั้งๆ ที่คุณพ่อก็บอกทุกคนว่าให้ใช้เพชรได้ตามสบาย
เคยฝันอยากเป็นนักบินอวกาศ
ย้อนไปตอนเพชรเป็นเด็ก ประมาณ 7-10 ขวบ เธอเป็นเด็กสาวที่ฝันอยากเป็นอะไรหลายอย่าง ซึ่งแต่ละอย่างนั้นไม่ค่อยเป็นอาชีพธรรมดาๆ เหมือนที่เด็กคนอื่นเขาฝันกัน
“ด้วยความที่เป็นเด็กที่ชอบอ่านการ์ตูนเยอะ ดูหนังเยอะ พอเห็นอะไรก็คิดว่าอยากเป็นจังเลย ก็เลยมีความฝันหลายอย่างมาก เคยคิดอยากเป็นนักบินอวกาศ นักสืบก็เคยอยากเป็น คือชอบอยากเป็นอะไรที่แปลกๆ แต่พอโตขึ้นมาก็อยากเป็นทนายความ อยากเป็นอาจารย์ แต่ว่ารู้สึกบุคลิกจะไม่ค่อยให้เท่าไหร่ แต่ตอนนี้ก็ยังอยากเป็นอาจารย์อยู่นะ แต่คิดว่าคงต้องอีกสักพัก”
เวลาว่างเป็นอาสาสมัคร
เมื่อเรามี เราก็ต้องแบ่งปัน นี่เป็นคำสอนและวิธีปฏิบัติของคุณพ่อที่เธอซึมซับมาตั้งแต่เด็ก และทำให้เธอใช้ชีวิตตามรอยคุณพ่อ ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน ความรักศิลปะ หรือแม้แต่การช่วยเหลือคน ช่วงนี้ถ้าใครไปที่โรงเรียนสอนเด็กตาบอดกรุงเทพฯ อาจจะได้เห็นคุณครูเพชรกำลังสอนหนังสือเด็กอยู่ก็เป็นได้
“เห็นคุณพ่อทำงานหนักมาตลอด พอถึงจุดหนึ่งที่ท่านขายหุ้น เงินส่วนหนึ่งท่านก็อยากคืนให้สังคม ท่านจะมีพวก Charity อย่างโครงการสำนึกรักบ้านเกิด ไปทำงานเพื่อสังคม ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เพชรไม่ใช่นางสาวไทยนะ แต่เพชรรักเด็ก (หัวเราะ) ชอบไปเลี้ยงอาหารเด็ก แล้วก็อุปถัมภ์เด็ก คือมีกิจกรรมอะไรที่ได้ช่วยเหลือสังคมเพชรก็อยากจะทำ เพราะทำแล้วรู้สึกดี อย่างตอนนี้ก็ชวนเพื่อนไปเป็นครูอาสาสมัครที่โรงเรียนสอนเด็กตาบอดกรุงเทพฯ บังเอิญเพชรได้ไปที่นั่นหลายครั้งแล้ว แล้วเห็นว่าเขามีให้ช่วยเหลือตรงนี้ เพชรก็เลยไปสมัคร ตื่นเต้นเหมือนกัน เขาจะให้สอนวันจันทร์ถึงวันศุกร์ บ่ายสามถึงห้าโมงเย็น ถ้ามีเวลาว่างเมื่อไหร่เพชรก็จะเข้าไปสอน ก็จะสอนวิชาที่เพชรถนัดคือศิลปะกับภาษา”
ลูกไม้ใต้ต้นของคุณพ่อ
มองภายนอก เพชรจะเป็นผู้หญิงที่ดูนิ่งๆ และจากการได้พูดคุยทำให้รู้สึกว่าเธอมีความคิดอ่านที่ดีและเป็นผู้ใหญ่ ดูเป็นคนที่ตัดสินใจอะไรเด็ดขาด และเข้มแข็งมากทีเดียว ซึ่งเธอบอกว่านิสัยของเธอส่วนใหญ่จะได้มาจากคุณพ่อ
“คุณแม่เป็นผู้หญิงที่อ่อนโยน และก็มีความเป็นผู้หญิงมากๆ เป็นคนที่เอาใจใส่คนรอบข้างและครอบครัว ซึ่งตรงนี้เป็นจุดดี แต่เพชรไม่ค่อยได้เก็บมาเท่าไหร่ แต่ก็อยากเป็นเหมือนคุณแม่นะคะ ตอนนี้ก็พยายามฝึกไปเรื่อยๆ ส่วนนิสัยของคุณพ่อเพชรจะได้มาเยอะ ไม่ว่าจะเป็นความศิลปินหรือเวลาที่อยากทำอะไรจะตัดสินใจแล้วจะทำเลย มีความพยายามต้องทำให้ได้”
แต่เพชรบอกว่านิสัยที่อยากทำอะไรต้องทำให้ได้ของเพชรไม่ใช่ว่าจะเป็นข้อดีอย่างเดียว เธอเคยใช้ประโยชน์จากนิสัยนี้ในทางที่ไม่ดีมาแล้ว ตอนที่เรียนที่อังกฤษแล้วอยากกลับบ้าน
“มีอยู่ครั้งหนึ่งเพชรอยากกลับมาเมืองไทย เพชรก็จะทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้กลับมา ร้องไห้ โทร.หาคุณแม่ทุกวัน ไม่ยอมกินข้าว ประท้วงทุกอย่าง อันนี้มันก็เป็นข้อเสีย”
สาวหลายบุคลิก
ส่วนตัวตนที่แท้จริงของเธอนั้นเธอบอกว่าเป็นคนมีหลายบุคลิก และยังค้นหาตัวเองอยู่ นิสัยแบบไหนที่ดีเธอก็จะเก็บไว้ ส่วนนิสัยที่ไม่ดีเธอก็จะพยายามปรับปรุงแก้ไข เช่น นิสัยหาข้ออ้างตามใจตัวเองในยามที่เหนื่อยเกินไป
“ถึงแม้เพชรจะอายุเยอะแล้ว แต่เพชรก็ยังค้นหาตัวเอง เปลี่ยนไปได้เรื่อยๆ แล้วแต่ว่าช่วงนั้นจะสนใจเรื่องอะไร อย่างบางครั้งเห็นคนที่เขาดูดี เราก็จะสังเกตและเก็บเอาจุดดีๆ ของเขามาปรับใช้กับตัวเรา ส่วนตัวแล้วเพชรจะเป็นคนใจเย็น เป็นคนง่ายๆ สบายๆ
เพชรเป็นคนดื้อเงียบ แล้วบางทีคนรอบข้างเราจะไม่รู้ว่าเราไม่ชอบ เพราะเราจะไม่พูด ไม่ขี้บ่นเลย เพชรเป็นคนที่ไม่เถียงใคร ไม่ค่อยว่าใคร เพราะรู้ว่าตัวเองเถียงสู้ใครไม่ได้ แต่อยู่ดีๆ ก็จะลุกขึ้นมาบอกว่าฉันไม่ชอบนะ ซึ่งคนอื่นจะถามว่าแล้วทำไมตอนนั้นไม่พูด
ข้อเสียของเพชรคือ เพชรจะเป็นคนตามใจตัวเอง อย่างเรื่องการบ้านเพชรจะปล่อยจนวินาทีสุดท้ายแล้วค่อยทำ บางทีก็นอนดึก แต่ช่วงนี้ดีขึ้นเรื่อยๆ นะคะ เพชรคิดว่าถ้าเรื่องไหนที่เรารู้ว่าเป็นข้อเสีย เราก็ควรที่จะปรับปรุงตัวเอง อีกอย่างคือเพชรเป็นคนที่อธิบายสิ่งที่ตัวเองคิดออกมาเป็นคำพูดไม่ค่อยเป็น แต่ถ้าเขียน เขียนได้”
เป็นคนไม่มั่นใจในตัวเอง
หลายคนมองว่าเธอเป็นสาวหรู ที่มีบุคลิกมั่นใจ แต่เธอบอกกับเราว่าจริงๆ แล้วเธอเป็นคนที่ไม่มั่นใจตัวเองเท่าไหร่นัก
“เพชรเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเองเลย อย่างไปเดินแบบงานอีเว้นท์ก็เกร็งนะ แต่ว่ารับงานไปแล้ว ด้วยสถานการณ์และทุกอย่างบังคับให้ตัวเองต้องทำให้ได้ เห็นเวลาอยู่บนเวที มั่นใจ แต่จริงๆ ข้างในสั่น อย่างเวลาให้สัมภาษณ์ก็กลัวว่าจะพูดไม่ดีหรือเปล่า กลัวไปหลายๆ ปัจจัยน่ะค่ะ ข้างในก็เกร็งนะคะ แต่พอทำบ่อยๆ ก็เริ่มชิน”
คิดเยอะจนลืมดูแลตัวเอง
ก่อนหน้านี้เพชรบอกว่าเธอเป็นคนที่ดูแลตัวเองมาก ไม่ว่าจะเป็นการเลือกกินอาหาร การออกกำลังกาย แต่ช่วงนี้มีเรื่องให้คิดเยอะ จึงทำให้เธอละเลยที่จะดูแลตัวเอง
“ตอนวัยรุ่นนี่เรื่องหุ่นมาก่อนเลย กลัวอ้วนมาก ดูแลตัวเองเรื่องการกินมาก แต่ช่วงนี้ เหมือนคิดเรื่องอื่นซะเยอะ จนทำให้ขี้เกียจ ก็เลยกินอะไรก็ได้ตามใจ แต่กลายเป็นว่าผอมลงไปอีก เพราะการที่เราคิดเรื่องอาหารทั้งวัน มันจะกลายเป็นว่าทำให้เราอยากกิน”
“ปกติชอบว่ายน้ำ แต่เห็นสระว่ายน้ำที่บ้านไม่ว่ายนะ ต้องไปว่ายที่อื่น ชอบไปว่ายน้ำกับเพื่อน ชอบเล่นโยคะ แต่ช่วงนี้เพชรไม่ได้เล่นอะไรเลย คือพอหยุดกินเฮลตี้มันจะเริ่มขี้เกียจ ตอนแรกคิดเอาไว้ว่าสองอาทิตย์จะกลับไปเล่นใหม่ นี่ผ่านมาสองเดือนแล้ว ยังไม่ได้ออกกำลังกายเลย ตอนที่ออกกำลังกายรู้สึกเลยว่านอกจากจะได้สุขภาพแล้วยังทำให้อารมณ์ดี และแอ็กทีฟ อย่างตอนนี้ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย จะรู้สึกเหนื่อยตลอดเวลา ไม่ค่อยสดชื่น”
สัตว์เลี้ยงสุดโปรด
พอพูดถึงเจ้ากระต่ายที่เธอเลี้ยงไว้ เธอเล่าเรื่องกระต่ายน้อย ด้วยท่าทางร่าเริง และมีความสุข คงเพราะการเลี้ยงอะไรสักอย่างต้องใช้ความรัก และมันก็ทำให้เธอมีความสุข
“เพชรเห็นกระต่ายพันธุ์นี้ ชื่อพันธุ์มินิล็อบในยูทิวบ์ แล้วมันอ้วนๆ น่ารัก หูมันจะตก ตอนแรกก็กลัวเลี้ยงแล้วมันจะตาย แต่พอซื้อมาเลี้ยงมันก็ร่าเริง เลี้ยงมาปีกว่า ซื้อมาเป็นคู่ แล้วมันก็ออกลูกมาน่ารัก สองตัวนี้เป็นลูกๆ ชื่อทิฟฟิ่นกับทอฟโฟ่ น่ารักมาก”
สุขที่ได้ทำอะไรใหม่ๆ
ความสุขของเพชรนั้นหาไม่ยาก แค่การที่ได้ทำอะไรใหม่ๆ หรือไปเที่ยว แต่ถ้าอยู่เฉยๆ โดยที่ไม่ได้ทำอะไรล่ะก็ เธอจะรู้สึกว่าวันนั้นเป็นวันที่ไม่มีประโยชน์และไม่มีความสุข
“เวลาเพชรเบื่อ หรือเครียด เพชรก็จะชอบไปเที่ยว เพิ่งไปศรีพันวามา ชอบภูเก็ต ชอบทะเล ไม่ต้องเล่นน้ำทะเล แค่เปลี่ยนบรรยากาศก็รู้สึกดีแล้ว อย่างถ้าอยู่กรุงเทพฯ จะชอบไปนวด แต่รู้สึกว่ากรุงเทพฯ ไม่ค่อยมีอะไรให้ผ่อนคลายมากมาย
เพชรจะหาความสุขด้วยการทำโปรเจกต์ใหม่ๆ เพชรจะรู้สึกดีเวลาที่มีอะไรทำ อย่างไปช่วยสอนเด็ก เพชรก็รู้สึกดีมาก คือเพชรไม่ชอบความรู้สึกที่ตื่นมาแล้ววันนี้เราไม่ได้ทำอะไร เพชรบอกคุณแม่เลยว่าไม่ต้องห่วงว่าเพชรจะไม่ทำอะไร คือเพชรอยู่เฉยๆ ไม่ได้ เพชรจะเป็นบ้า”
ใช้ชีวิตแบบพอดี
แม้จะเกิดมาในตระกูลที่ร่ำรวย แต่ทัศนคติในการใช้ชีวิตของเธอคือใช้ความพอดีในการเตือนตัวเองในทุกเรื่องของการใช้ชีวิตอย่างมีสติ
“เพชรชอบคำว่าความพอดี ด้วยความที่เพชรโตมาในครอบครัวที่ค่อนข้างจะมีโอกาสและโชคดีมากกว่าคนหลายๆ คน เพราะฉะนั้นเพชรจะพยายามเตือนตัวเองว่าอย่าสปอยล์ อย่าเหลิง อย่าใช้ชีวิตตามใจตัวเอง ไม่ทำงานก็ได้ ไม่ควรใช้ชีวิตสนุกเฮฮาอย่างเดียว ควรจะมีเรื่องธรรมะบ้าง ช่วยเหลือคนอื่นบ้าง เพชรว่าทุกอย่างต้องอยู่ในความพอดี”
เข้าวัดตั้งแต่เด็ก
การที่คุณพ่อพาเธอเข้าวัด ฟังธรรมะตั้งแต่เด็ก จากตอนแรกที่ไม่ชอบ กลายเป็นว่าทำให้เธอได้ซึมซับคำสอนมาโดยตลอด และทำให้เธอเป็นผู้หญิงที่ใจเย็น ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย และมีสติมาจนถึงทุกวันนี้
“คุณพ่อจะพาไปเข้าวัดตั้งแต่ 10 ขวบ ตอนแรกไม่อยากไปเลย รู้สึกว่ามันร้อน คนเยอะ แต่พอไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกว่าเราซึมซับในสิ่งที่พระอาจารย์สอน อย่างเวลาไปนั่งสมาธิ วิปัสสนามาอาทิตย์หนึ่ง รู้สึกเลยว่าเราใจเย็น เรารู้สึกว่าเราฉลาดขึ้นทันที เพราะว่ามันไม่มีเรื่องอื่นเข้ามาในหัว
ทุกวันนี้เพชรก็ชอบไปวัด ไปฟังพระอาจารย์เทศน์บ่อยๆ เพชรคิดว่าคนเราอย่างน้อยสักอาทิตย์หนึ่งเนี่ยจะต้องมีเวลาที่อยู่กับตัวเอง อยู่กับธรรมะ ชีวจิตสัก 3 ชั่วโมง ซึ่งมันน้อยมาก ถ้าเทียบกับเวลาที่เราไปทำอย่างอื่นที่ไม่มีสาระ แต่เรามักจะหลงลืม ไม่ค่อยได้ใช้เวลาตรงนี้เท่าไหร่ เพราะว่าเราอยู่ในเมือง อยู่ในสังคมที่มันวุ่นวายไปหมด”
ธรรมะแก้เครียด คลายทุกข์
สำหรับเพชรการใช้ธรรมะเป็นการแก้ปัญหาชีวิตได้ดีที่สุด เพราะไม่ว่าจะทุกข์เรื่องอะไร เมื่อไปวัดก็ทำให้จิตใจดีขึ้น และตัดสินอะไรได้อย่างฉลาด
“เวลาเครียดเนี่ย ธรรมะเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว ตอนนี้เพชรก็ถือว่าอยู่ในช่วงปกติ ไม่ได้เครียด ไม่ได้แฮปปี้ แต่ก็ไม่อยากให้ลืมที่จะเข้าหาวัด เพราะบางทีเวลาที่เพชรมีความสุขมากๆ เพชรก็จะลืม ไม่สนใจเข้าวัด แต่พอเวลาเราทุกข์ เราสวดมนต์ทุกวัน ไปวัดเองเลย
ตอนเป็นวัยรุ่นก็มีปัญหาเรื่องจุกจิกทั่วไป อย่างเรื่องความรักก็เป็นทุกข์มากนะ ถึงขนาดมีข่าวฆ่ากันตาย เรื่องการเรียนก็ทำให้เครียด เรื่องเพื่อนอีก การไปวัดทำให้เพชรรู้ว่า เราเกิดมาคนเดียว เดี๋ยวเราก็ตายแล้ว เรื่องความรักจริงๆ แล้วมันไม่ได้สำคัญเลย”
ชื่อ-สกุล: บุญญาภาณิ์ เบญจรงคกุล (เปลี่ยนจากชื่อเดิมคือ ปองปุณย์)
ชื่อเล่น: เพชร
วัน เดือน ปีเกิด: 28 สิงหาคม 2528
ประวัติการศึกษา: ปริญญาตรีด้านประวัติศาสตร์ ที่ Bristol University ประเทศอังกฤษ, ปริญญาโท คณะบริหารธุรกิจ ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ภายโดย ศิวกร เสนสอน
รายงานข่าวโดยทีมข่าว M-Lite/ASTVสุดสัปดาห์ |